เรื่องเด่น เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๒๕ ธันวาคม ๒๕๖๗

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 25 ธันวาคม 2024 at 17:52.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,853
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,573
    ค่าพลัง:
    +26,418
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันพุธที่ ๒๕ ธันวาคม ๒๕๖๗


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,853
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,573
    ค่าพลัง:
    +26,418
    วันนี้ตรงกับวันพุธที่ ๒๕ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ กระผม/อาตมภาพเดินทางไปร่วมงานบำเพ็ญกุศลถวายพระเดชพระคุณพระธรรมคุณาภรณ์ (ไพบูลย์ กตปุญฺโญ ป.ธ. ๘) อดีตเจ้าอาวาสวัดไชยชุมพลชนะสงคราม (พระอารามหลวง) อดีตเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งได้มรณภาพลงที่ประเทศอินเดีย เมื่อวันที่ ๒๕ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๔๕ โดยมีพระเดชพระคุณพระพรหมดิลก (เอื้อน หาสธมฺโม ป.ธ. ๙, Ph.D.) กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าอาวาสวัดสามพระยา วรวิหาร เป็นประธานสงฆ์ในงานนี้

    เมื่อเจอหน้า พระเดชพระคุณพระพรหมดิลกก็เมตตาทักทายว่า "เล็ก..ข้าว่าจะหาเวลาไปวัดท่าขนุน ยังปลีกตัวไม่ได้สักที" กระผม/อาตมภาพจึงได้เรียนถวายว่า "ตอนนี้ทางวัดท่าขนุนอุณหภูมิอยู่ที่ ๑๐ กว่าองศาเซลเซียสเท่านั้น ถ้าหากว่าหลวงพ่อจะเดินทางไปตากอากาศพักผ่อนเมื่อไร ให้เลขานุการติดต่อผมได้ทุกเวลาเลยครับ" เมื่อถึงเวลาตามพิธี พระเดชพระคุณท่านก็เป็นประธานในการนำบูชาพระรัตนตรัย ส่วนกระผม/อาตมภาพเป็นหนึ่งในพระเถระผู้ร่วมสวดพระพุทธมนต์ในงานนี้

    เรื่องของหลวงพ่อไพบูลย์นั้น พวกเราทั้งหลายแทบจะลืมไปแล้วว่าท่านเป็นเจ้าคุณชั้นธรรม ซึ่งในยุคนั้นสมัยนั้นต้องถือว่าเป็นพระราชาคณะระดับสูงมาก แต่ว่าพระเดชพระคุณท่านไม่ได้มีความถือเนื้อถือตัวอะไรเลย ย้ำอยู่เสมอว่าท่านเป็นเด็กบ้านนอก โดยเฉพาะกับพระภิกษุสามเณรแล้ว ท่านให้ความเมตตาในทุกด้าน เวลาออกเดินทางตรวจการณ์คณะสงฆ์ ถ้าหากว่าเจอพระภิกษุสามเณรเดินอยู่ข้างทาง ท่านก็จะสอบถามว่า "จะไปทางไหน ?" ถ้าหากว่าเป็นเส้นทางเดียวกัน ท่านก็จะเมตตารับขึ้นรถแล้วไปส่งให้ทุกวัด..!

    กระผม/อาตมภาพอยากจะเชื่อว่า "หลวงพ่อไพบูลย์" ที่พวกเราเรียกกันติดปาก จนลืมสมณศักดิ์ของท่านไปนั้น เป็นเจ้าคณะจังหวัดเพียงรูปเดียว ที่ไปจนทั่วทุกวัดภายในจังหวัดกาญจนบุรี ไม่ว่าจะอยู่ลึกในป่าในดงขนาดไหน ท่านก็ล้วนแล้วแต่ไปถึงทั้งสิ้น จนกระทั่งไปทะเลาะกับ "เจ้าพ่อเขาเหล็ก" มาแล้ว

    เหตุเพราะว่าท่านไปค้างคืนที่ศาลาการเปรียญวัดเขาเหล็ก อำเภอศรีสวัสดิ์ ซึ่งเป็นดงกะเหรี่ยง แล้วตอนกลางคืนก็มีผี คือเจ้าพ่อเขาเหล็กมาขับไล่ท่านไม่ให้นอนที่นั่น บอกว่าเป็นสถานที่ของตน หลวงพ่อไพบูลย์ถามว่า "มึงเป็นเจ้าพ่อที่นี่ใช่ไหม ?" อีกฝ่ายหนึ่งตอบว่า "ใช่" ท่านถามต่อไปว่า "มึงเป็นใหญ่ในตำบลนี้ใช่ไหม ?" อีกฝ่ายก็ตอบว่า "ใช่" พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านบอกว่า "มึงเป็นใหญ่แค่ตำบลนี้ แต่ดันไม่รู้จักกูที่เป็นเจ้านาย กูเป็นเจ้าคณะจังหวัด ในจังหวัดนี้ไม่มีใครใหญ่กว่ากูอีกแล้ว ขนาดเจ้านายมึงยังไม่รู้จัก เดี๋ยวกูก็เล่นซะเลย..!" เจ้าพ่อเขาเหล็กพอได้ยินดังนั้น ก็หายวับไปต่อหน้าต่อตา..!
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,853
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,573
    ค่าพลัง:
    +26,418
    พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านเล่าให้พวกเราฟังแล้วก็หัวเราะ บอกว่า "เรื่องของผีพวกมึงอย่าไปยอมมัน เราเป็นคน..เราต้องอยู่ในภพภูมิที่สูงกว่ามันแน่นอน" กระผม/อาตมภาพอยากจะเรียนถวายว่า "ก็คงจะมีแต่หลวงพ่อเท่านั้นแหละครับ ที่ผียอมกลัว เพราะว่าบารมีของท่านครอบคลุมไปทั่วจังหวัด จนบางคนเรียกท่านว่า "เทพเจ้าแห่งกาญจนบุรี" ถ้าหากว่าเป็นอย่างพวกกระผมแล้ว ก็มีหวังโดนเหยียบแบนคาศาลาอยู่ตรงนั้นแหละ..!"

    พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านให้ความเมตตาต่องานคณะสงฆ์ และทุ่มเทให้กับงานคณะสงฆ์อย่างชนิดที่เรียกว่ามอบกายถวายชีวิต โดยเฉพาะในเรื่องของการอบรมบาลี หรือว่าการสอบบาลี สอบนักธรรม ทุกงานจะเห็นหลวงพ่อไพบูลย์ไปอยู่เป็นขวัญกำลังใจให้กับผู้ใต้บังคับบัญชาเสมอ

    ถ้าหากว่าเป็นที่วัดไร่ขิง (พระอารามหลวง) พระเดชพระคุณหลวงพ่อก็จะขนเอาพืชผักไปให้เป็นคันรถ ๆ เพื่อที่จะได้ประกอบอาหารเลี้ยงผู้เข้าอบรมบาลีก่อนสอบทุกครั้ง ในการตรวจข้อสอบของกองงานอบรมบาลีก่อนสอบ ไม่ว่าจะเป็น ๔ ทุ่ม ๕ ทุ่ม เที่ยงคืน ก็จะเห็นหลวงพ่อไพบูลย์เอาผ้าอาบพาดบ่า เดินคุยเสียงดังให้กำลังใจกับทุกคน จนกว่างานจะเลิก..!

    ท่านทำตัวแบบนี้สม่ำเสมอมาตลอดระยะเวลาหลายสิบปี ตั้งแต่ยังเป็นพระมหาไพบูลย์ กตปุญฺโญ ป.ธ.๘ เจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี เจริญรุ่งเรืองขึ้นมาตามลำดับเป็นเจ้าคุณชั้นสามัญที่พระวิสุทธิรังษี เจ้าคุณชั้นราชที่พระราชปัญญาสุธี เจ้าคุณชั้นเทพที่พระเทพปัญญาสุธี และเจ้าคุณชั้นธรรมที่พระธรรมคุณาภรณ์ ไม่มีเลยในงานไหนที่จะไม่เห็นเงาหลวงพ่อไพบูลย์ไปคอยให้กำลังใจลูกน้องในที่นั่น..!
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,853
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,573
    ค่าพลัง:
    +26,418
    แม้กระทั่งทางวัดท่าขนุน ตอนนั้นประมาณปี ๒๕๔๓ หรือว่า ๒๕๔๔ พระสมุห์สมพงษ์ เขมจิตฺโต ท่านขึ้นเป็นเจ้าอาวาสใหม่ ๆ ไม่กล้าที่จะเข้าหน้าเจ้าคณะจังหวัด เพราะใคร ๆ ก็ลือว่า "หลวงพ่อไพบูลย์ท่านดุมาก..!" ความจริงหลวงพ่อไพบูลย์ท่านไม่ได้ดุ แต่เป็นคนที่เด็ดขาด และพูดจาไม่มีหางเสียงตามประสาเด็กบ้านนอก โดยเฉพาะท่านพูดกับพวกเราจะใช้คำประเภท "มึง..กู" อยู่เสมอ แต่ขอให้รู้ว่าท่านพูดในลักษณะเมตตามาก

    เมื่อถึงเวลา พระสมุห์สมพงษ์ อดีตเจ้าอาวาสวัดท่าขนุน รูปก่อนกระผม/อาตมภาพ จะตั้งสำนักเรียนบาลี ได้ชวนกระผม/อาตมภาพไปกราบขออนุญาตต่อหลวงพ่อไพบูลย์ ตอนนั้นท่านติดงานศพอยู่ที่ฌาปนสถานวัดไชยชุมพลชนะสงคราม (พระอารามหลวง)

    เมื่อกระผม/อาตมภาพเล็งเห็นว่าท่านว่างจากญาติโยมชั่วขณะหนึ่ง จึงได้ดึงพระสมุห์สมพงษ์เข้าไปกราบตรงหน้า เรียนถวายท่านว่า "ทางวัดท่าขนุนต้องการจะเปิดสำนักสอนบาลี ถ้าหากว่าพระเดชพระคุณหลวงพ่อไม่ขัด กระผม/อาตมภาพจะได้ทำหนังสือมาถวายอย่างเป็นทางการครับ" ท่านบอกว่า "ไม่ต้องเสียเวลาทำหนังสือ พวกมึงกลับไปเปิดได้เลย ขาดเหลืออะไรให้บอก เดี๋ยวกูจะช่วย..!" นี่คือกำลังใจของหลวงพ่อไพบูลย์ ที่ชาวจังหวัดกาญจนบุรีทุกคนรักนักรักหนา

    แม้กระทั่งโรงพยาบาลเจ้าคุณไพบูลย์ที่อำเภอพนมทวน บ้านเกิดของท่านนั้น ก็เกิดจากการที่พวกกระผม/อาตมภาพเล็งเห็นว่า หลวงพ่อท่านขี่รถเก่า ๆ ไม่สมกับเจ้าคณะจังหวัดชั้นเทพ ซึ่งตอนนั้นดูแล้วยิ่งใหญ่มาก เพราะว่าเจ้าคณะจังหวัดอื่น ๆ ส่วนใหญ่ก็อยู่แค่ชั้นราชเท่านั้น โอกาสที่จะขึ้นชั้นเทพยังน้อยมาก เนื่องจากว่าไม่ได้มีผลงานท่วมฟ้าท่วมดินเหมือนกับหลวงพ่อไพบูลย์ ซึ่งตอนนั้นท่านเป็นเจ้าคุณพระเทพปัญญาสุธีอยู่

    ในเมื่อเป็นเช่นนั้น พวกเราจึงได้ปรึกษาหารือกัน แล้วก็ตกลงกันว่า พระสังฆาธิการระดับเจ้าอาวาสทุกวัด ให้พร้อมใจกันสละปัจจัยรูปละ ๒,๐๐๐ บาท เพื่อเอาไปถวายในวันเกิด ให้พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านซื้อรถคันใหม่

    ทันทีที่ทราบเจตนารมณ์ของพวกเราในวันเกิดปีนั้น พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านก็บอกว่า "ขอบใจมากที่พวกมึงเห็นใจ รถของกูยังใช้งานได้ดีอยู่ แต่ลูกหลานกูที่พนมทวนยังไม่มีโรงพยาบาลดี ๆ ไว้รักษาตัวเอง เมื่อถึงเวลาก็ต้องเดินทางไกล ๆ กว่าจะมาถึงโรงพยาบาลพหลฯ ในตัวเมืองก็เสียเวลามาก บางคนอาการหนักก็เสียชีวิตไปเลย กูขอเอาเงินก้อนนี้ไปตั้งต้นสร้างโรงพยาบาลดีกว่า" ว่าแล้วท่านก็ลงมือทำเลย

    โดยเฉพาะเมื่อว่างจากงานสงฆ์ ท่านก็จะไปร่วมผสมปูน หิ้วถังปูน
    เทปูน บัญชาการ โดยที่ใส่เฉพาะสบง อังสะ มีผ้าอาบเคียนศีรษะอยู่ผืนเดียว ช่วยหิ้วปูน เทปูน กระทุ้งปูน อยู่กับพวกเราทุกวันจนตัวดำปี๋ ท้ายที่สุดโรงพยาบาลเจ้าคุณไพบูลย์อุปถัมภ์ที่อำเภอพนมทวนก็สำเร็จเรียบร้อย หลวงพ่อท่านยังเมตตาหาเงินให้ช่วยซื้อเครื่องมือแพทย์ต่าง ๆ จนกระทั่งในที่สุดโรงพยาบาลเจ้าคุณไพบูลย์อุปถัมภ์ ก็สำเร็จลงสมเจตนารมณ์ทุกประการ ในเมื่อมีผู้บังคับบัญชาเช่นนี้ แล้วจะไม่ให้พวกเรารักท่านได้อย่างไร ?
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,853
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,573
    ค่าพลัง:
    +26,418
    แม้กระทั่งวิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรี ศรีไพบูลย์ซึ่งมาสำเร็จลงในยุคที่กระผม/อาตมภาพเข้ามาเป็นประธานจัดหาทุนสร้างให้นั้น ก็เกิดจากปรารภของหลวงพ่อเจ้าคุณไพบูลย์นี่เอง ท่านปรารภว่า "กูอยากให้ลูกหลานชาวจังหวัดกาญจนบุรี ได้เรียนจบปริญญาตรีกันทุกคน ถ้าเป็นไปได้ กูจะสร้างมหาวิทยาลัยให้ลูกหลานกูได้เรียนฟรี..!" นี่เป็นปณิธานที่ท่านไม่สามารถจะทำได้สำเร็จ

    พวกกระผม/อาตมภาพซึ่งนำโดยพระเดชพระคุณพระเทพปริยัติโสภณ, ดร. (ปัญญา วิสุทฺธิปญฺโญ ป.ธ. ๙) เจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรีรูปปัจจุบัน ซึ่งเป็น "เด็กหน้าห้อง" "เด็กในคาถา" ที่หลวงพ่อไพบูลย์ท่านเมตตาบวชเณรให้ และส่งเรียนจนกระทั่งจบเปรียญธรรม ๙ ประโยค และจบปริญญาโทจากประเทศอินเดีย ได้ปรึกษาหารือกับพวกกระผม/อาตมภาพ แล้วช่วยกันสร้างฝันของหลวงพ่อไพบูลย์ให้เป็นจริงในยุคสมัยนี้จนได้

    พระเดชพระคุณหลวงพ่อไพบูลย์ท่านมีกิจวัตรประจำปีอยู่อย่างหนึ่ง ก็คือต้องเดินทางไปสักการะสังเวชนียสถานที่ประเทศอินเดียทุกปี เมื่อเจอพระภิกษุสามเณรชาวไทยซึ่งไปศึกษาอยู่ที่นั่น ไม่ว่าจะเป็นวัดใดในประเทศไทยก็ตาม ท่านจะถวายปัจจัยให้พระภิกษุสามเณรเหล่านั้นรูปละ ๒๐๐ ดอลลาร์ บอกว่า "กูให้มึงเอาไว้ใช้ในการศึกษา จะได้ไม่ต้องไปรบกวนหลวงพ่อของพวกมึงให้มากนัก" บรรดาพระภิกษุสามเณรรุ่นเก่า ๆ จึงได้รับความเมตตาจากหลวงพ่อท่านอย่างสม่ำเสมอทุกปี

    แต่ด้วยความที่พระเดชพระคุณท่านกรำงานหนักมาตลอดชีวิต ในวันที่ ๒๕ ธันวาคม
    พุทธศักราช ๒๕๔๕ ขณะที่ท่านเองกำลังบัญชาการให้บรรดาพ่อครัวแม่ครัว ทำอาหารถวายพระที่ร่วมเดินทางไปสักการะสังเวชนียสถานทั้ง ๔ นั้น อยู่ ๆ ท่านก็ล้มลง เนื่องเพราะว่าเส้นเลือดหัวใจอุดตัน แล้วก็มรณภาพที่ประเทศอินเดียนั่นเอง..!

    ทำให้ชาวกาญจนบุรีอย่างพวกเราเศร้าโศกเสียใจกันทั้งจังหวัดยังไม่พอ บรรดาพระเถระเจ้าคณะปกครองทุกรูป ต่างก็เสียดายพระสังฆาธิการระดับสูง ที่ให้ใจกับงานคณะสงฆ์อย่างชนิดเกิน ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์อยู่เสมอ

    ดังนั้น..ในงานครบรอบวันมรณภาพของท่านทุกปี จึงมีผู้เดินทางมาร่วมงานกันอย่างคับคั่ง จึงขอกล่าวถึงหลวงพ่อไพบูลย์ที่กระผม/อาตมภาพได้สัมผัสมาด้วยตนเอง เอาไว้เพื่อเป็นที่รำลึกถึงในวันครบรอบวันมรณภาพปีที่ ๒๒ ของท่านมา ณ ที่นี้

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันพุธที่ ๒๕ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...