เรื่องเด่น หลวงพ่อเทศน์เรื่องพิเศษการต่ออายุ โดยหลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย โพธิสัตว์ ชาวพุทธ, 7 มิถุนายน 2022.

  1. โพธิสัตว์ ชาวพุทธ

    โพธิสัตว์ ชาวพุทธ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2017
    โพสต์:
    5,319
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,274
    ค่าพลัง:
    +9,590
    EOaYLZgnLU3O_Nb1V0wlfwKZ&_nc_ohc=iSAhcpdVg8UAX9uor0L&tn=MzqEzWrSP8VOkNIh&_nc_ht=scontent.fbkk5-7.jpg


    หลวงพ่อเทศน์เรื่องพิเศษการต่ออายุ
    โดยหลวงพ่อฤๅษี วัดท่าซุง


    วันนี้อาตมาขอเทศน์เรื่องพิเศษสักเรื่องหนึ่งให้ทราบ
    เพราะว่าฟังเทศน์วันนี้จากอาตมาภาพ ก็ไม่แน่ใจว่า
    บรรดาพุทธบริษัททั้งหลายจะได้ฟังเทศน์จากอาตมา
    ต่อไปหรือเปล่าก็ไม่ทราบ เพราะปี ๒๕๒๓ ปีนั้นต้องตาย
    ไปประมาณ ๒-๓ ชั่วโมง ความจริงอายุขัยอาตมา
    มีอายุเพียงแค่ ๒๗ ปี ตอนนั้นสมัยหลวงพ่อปานอยู่
    เขาเชิญนิมนต์พระศรีอาริย์ไปไว้วัดบางนมโค พระศรีอาริย์
    เขาต้องยกตั้ง ๘ คน ตอนดึกตี ๒ หลวงพ่อปานท่านมานั่ง
    อยู่หน้าพระศรีอาริย์ ให้ตาเชิดที่เป็นลูกศิษย์ไปเรียกอาตมา
    มาจากที่นอน

    พอดีเป็นเวลาที่อาตมาตื่นมาเพื่อเจริญพระกรรมฐาน
    ก็ลงมาหาท่าน ท่านรออยู่องค์เดียว และก็บอกว่า
    "เอายังงี้ก็แล้วกันนะ ที่ฉันเรียกเธอมาวันนี้ ฉันต้องการ
    อยากให้เธอรู้ว่าเธอต้องตายในปีไหน" ก็ลองยกพระศรีอาริย์ดู
    ยกไปปีที่ ๑ปีที่ ๒ ปีที่ ๓ ปีที่ ๔ ปีที่ ๕ มันก็ยกไม่ขึ้น พอถึง
    ปีที่ ๒๗ หมายถึงอายุ ๒๗ ปี ยกขึ้นเบามาก ท่านบอกว่า
    "อายุขัยของแกมีแค่ ๒๗ ปี ขอให้ต่ออายุเสีย" อาตมาเวลานั้นเจริญพระกรรมฐาน ทรงณาน สำหรับวิปัสนาญานยังอ่อนอยู่
    แต่ณานน่ะหนักแน่นมาก

    โดยเฉพาะเรื่องพรหมเป็นที่อยู่ของเราทุกวันที่เวลาเราจะนอน ตั้งใจอธิฐานจิตเสร็จก็ขึ้นไปนอนบนพรหม ถึงเวลาก็ลงมา
    ก็คิดว่าถ้าเกิดเป็นพรหมได้ก็เป็นที่พอใจของเราแล้ว
    เราไม่ตกนรกก็เลยบอกท่านว่าผมไม่ต่อ ถ้าผมจะตาย
    อายุ ๒๗ ปี ผมจะชอบใจมาก การเป็นมนุษย์เป็นภาระหนัก ท่านบอกว่า "ควรอยู่ต่อไป ขอให้ต่ออายุ" อาตมาก็ไม่ต่อ
    ในฐานะที่อาจารย์ย่อมมีความสามารถ มีความรู้ดีกว่าลูกศิษย์
    มีความฉลาดกว่า
    วันรุ่งขึ้นอีก ๒ วัน ท่านไปซื้อปลามากาละมังใหญ่หลายสิบตัว แล้วให้พระไปตามอาตมามาบอก "วันนี้แกว่างๆช่วยเอาปลา
    ไปเทน้ำทีซิวะ" พอเอาปลาไปเทที่แม่น้ำเสร็จ กลับมาหาท่าน กราบท่าน ท่านบอก "ข้าต่ออายุแกแล้ว" เสียท่าอาจารย์
    ก็ถามว่า "หลวงพ่อครับ ผมจะอยู่ได้อีกกี่ปี" ท่านบอก
    "แกก็อยู่ไปจนกว่าจะตายก็แล้วกัน"
    หลังจากนั้นต่อมาอีก ๑๐ ปี อาการเครียดก็เกิดขึ้น มันจะตาย
    ตอนนี้หลวงพ่อปานท่านตายไปแล้ว พระพุทธเจ้ามาต่อ
    ท่านมาบอกให้ต่ออายุ บอก ผมไม่ต่อ ถ้าผมมีความรู้แค่นี้
    มีความสามารถแค่นี้ ผมก็อยู่พรหมได้ ความเป็นพรหมดีกว่า
    ความเป็นคน" ท่านก็เลยบอกว่า "ถ้าแกไม่ต่อ ฉันก็ต่อ"
    ท่านก็ต่อให้ ต่อให้มาคราวละ ๑๐ ปี ต่อมาครั้งหลังที่สุด
    ต่อให้มาถึงปี ๒๕๒๕ หมดกัน ก็บอกท่านว่า"ขอต่อเพียงเท่านี้
    นะครับผมแก่มากแล้ว ลำบากมามากแล้ว ผมไม่อยู่พรหมแล้ว
    ถ้าผมตายผมไปนิพพาน"

    ปี ๒๕๓๒ ท่านก็ทำให้ตายไป ๒-๓ ชั่วโมง ...ท่านบอก
    ถ้าฉันปล่อยให้เธออยู่ถึง ๒๕๒๕ ฉันเอาเธอไว้ไม่ได้
    ฉะนั้นปีนี้ ปี ๒๕๒๓ ฉันต้องทำให้เธอตายชั่วคราวก่อน
    ให้ถือว่าเป็นการเกิดใหม่ กลับลงมาใหม่ ไอ้เราก็ยังไม่กลับ
    ท่านก็มาด้วยในเมื่อพระพุทธเจ้ามาด้วยก็ต้องมา เมื่อเข้า
    ร่างกายก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้น มันยังมืดอยู่ก็หลับตาต่อไป
    อีกสักครู่หนึ่งลืมตาขึ้นก็ค่อยๆสว่าง ..ท่านบอกว่า
    "ให้ถือว่าวันเกิดใหม่ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปนะฉันต่อให้อีก ๑๐ ปี"

    ก็เป็นอันว่าปีนี้ป็นปีสุดท้ายแห่งการต่อ ปี ๒๕๒๓ ปีนี้ ๒๕๓๔ ครบ ๑๐ ปี" พอดีจะต่อให้หรือไม่ก็ไม่ทราบ แต่ว่าตั้งแต่เข้าพรรษามามีอาการป่วยเครียดหนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเดือนตุลาคม ท่านต่อให้วันที่ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๓๔ ตั้งแต่ตุลาคมมานี้ป่วยหนักมาก หนักเกินกว่าที่คิดว่าจะอยู่ได้ ถึงขั้นขึ้นไปลาพระพุทธเจ้า ๓ ครั้ง ลาไม่ขออยู่เมื่อขันธ์ ๕ เป็นอย่างนี้ทนไม่ไหว
    ก็คิดว่าเดือนนี้เป็นเดือนที่หมดสัญญากับพระพุทธเจ้า อาจจะ
    ตายเดือนนี้ มันมีอาการเจ็บหนักมากที่สุดในชีวิตที่ไม่เคยปรากฏมา เจ็บตั้งแต่ ๒ ทุ่ม ถึง ๕ ทุ่ม ( วันที่ ๑๒ ตุลาคม) ถึงน้ำตาร่วง

    ความจริงน้ำตาอาตมานี่มันออกยาก ใครจะตายสักกี่ร้อยคน
    ไม่เคยน้ำตาร่วง ทุกขเวทนาใดๆ ที่มีมาก็ไม่เคยน้ำตาร่วง
    คืนนั้นน้ำตามันไหลเอง ก็เข้าไปหาพระพุทธเจ้า บอกว่า
    ขอลา ว่าเดือนนี้เป็นเดือนที่สิ้นสุดตามสัญญาแล้ว
    งานทุกอย่างที่พระองค์ทรงมอบให้ทำทุกอย่าง ทุกขเวทนา
    ร่างกายก็เจ็บ ร่างกายก็ป่วย เจ็บป่วยขนาดไหนก็ตาม
    เมื่อถึงเวลาก็ไปสอน อย่างสอนที่สายลมหนักมาก
    ไปซอยสายลมทีกลับมารวมตัว ๗ วันไม่พอ ยังไม่ฟื้น
    ก็ทนทำด้วยความเต็มใจ
    แต่ในเมื่อขันธ์ ๕ มันหนักแบบนี้ ไม่ขออยู่ ท่านก็บอก
    "เอาแบบนี้ก็แล้วกัน มันเจ็บมากไหม" ก็บอกท่านว่า
    "ดูคอสิ คอมันแผลทั้งคอจะกลืนน้ำลายก็ไม่ได้ แล้วจะ
    กลืนอาหารได้อย่างไร" ท่านก็เรียกท่านสหัมบดีพรหมว่า "สหัมบดีพรหมไปดูหน่อยซิ" ท่านสหัมบดีพรหม
    กราบ ๓ ครั้ง แล้วท่านลงมาพักหนึ่ง ท่านก็กลับขึ้นไป ท่านบอก "เรียบร้อยแล้วครับ" พระพุทธเจ้าก็ทรงสั่ง
    ให้กลับ อาตมาก็ไม่กลับ แต่ท่านบอกว่าประตูนิพพาน
    ไม่เปิดเพื่อเธอ ก็ถามพรหมว่า พรหมชั้นไหนมีที่ว่างบ้าง
    พรหมทุกชั้นบอกว่า ที่ว่างสำหรับท่านไม่มี ถามเทวดา
    กับนางฟ้าชั้นไหนมีที่ว่างบ้าง บอก สวรรค์ที่ว่างสำหรับ
    ท่านไม่มี ที่ว่างของท่านมีที่เดียวที่พระนิพพาน
    ไปไม่ได้ มันไม่มีที่อยู่ พระพุทธเจ้ามาด้วย มาถึงปรากฏว่า
    แผลในคอมันหายไป ท่านสหัมบดีพรหมทำให้หายไป
    แต่ทุกขเวทนาจากนั้นมามันก็มาก อาการก็เครียด
    ชีวิตการเป็นอยู่ก็ไม่ใช่หน้าที่ของอาตมา จะอยู่ได้หรือไม่ได้
    ถ้าเบื้องบนไม่ให้ไปก็ไปไม่ได้ ก็ไม่แน่นอนนัก
    จำไว้ก็ฟังไว้ให้ดีนะว่าอาการฟังคำพูดวันนี้และจะได้ฟัง
    อีกหรือไม่ อันนี้ไม่แน่นอนนัก ก็ดูอาการสิ้นเดือนตุลาก่อน
    สิ้นเดือนตุลานี้ไม่ตาย ก็เป็นอันว่า พ.ศ.๒๕๓๖ อีกปีหนึ่ง
    ถ้าปี ๒๕๓๖ ไม่ตาย อีตอนนี้ก็อยู่หลายปี



    จากหนังสือ พ่อสอนลูก หน้า ๓๕-๓๗
    ขอบคุณที่มา : ศูนย์พุทธศรัทธา สำนักปฏิบัติพระกรรมฐานสาขาวัดท่าซุง
    www.BuddhaSattha.com
     

แชร์หน้านี้

Loading...