หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ วัดอรัญญบรรพต อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย บางคนน่ะเพียรละกิเลสเก่าแล้วก็สร้างกิเลสใหม่ขึ้นมาเพิ่มเติมอย่างนี้มันไม่ถูกไม่ชอบเลย อย่างเช่นว่า แต่ก่อนเคยชอบฆ่าสัตว์ตัดชีวิตมาอย่างนี้นะ ครั้นต่อมานี้เห็นโทษแห่งการกระทำเช่นนั้นว่ามันเป็นบาปเป็นกรรม อธิษฐานใจเว้น อธิษฐานใจเว้นแล้วมันก็ยังไม่วายที่จะเผลอไปยินดีไปในการฆ่าการเบียดเบียนนั้น นี่มันเมื่อกิเลสอย่างนั้นมันไม่ขาดเด็ดออกไป เผลอ ๆ แล้วมันก็ต้องเกิดขึ้นมาแหละความคิดอย่างนั้นนะ อืม...มันเป็นอย่างนั้น เพราะฉะนั้นมันจึงต้องมีความอดความทนต้องมีความเพียรพยายามระมัดระวังจิตนี้เสมอไปอย่าให้มันหวนไปสร้างอกุศลขึ้นมาในใจอีกเหมือนแต่ก่อน อันนี้สำคัญมากนา เพราะว่าของเก่านั้นน่ะนั่นแหละมันถ้าหากว่าเราไม่กำหนดละมันน่ะ มันเป็นเชื้อดูดเอาของใหม่เข้าไปสมทบอีกเป็นอย่างนั้น กิเลสนี้ก็เหมือนกับแม่เหล็กนี้เองแหละ ดังนั้นการที่กิเลสมันจะครอบงำจิตไม่ได้หรือมันจะคลายออกไปจากดวงจิตนี่ก็เพราะเราทำความเพียรเพ่งพินิจอยู่ในจิตใจนี้เสมอ ๆ ไป ความเพียรเพ่งพินิจนี้แหละท่านเรียกว่าเป็น “ตปธรรม” เป็นเครื่องเผากิเลสให้เร่าร้อน เมื่อเราเพ่งไม่ท้อไม่ถอยเข้าไป กิเลสมันทนไม่ไหวทนต่อความเพ่งไม่ไหวมันก็ดิ้น ดิ้นทำให้จิตใจป่วนปั่นขึ้นมา คนไม่รู้อิทธิพลของกิเลสหรือว่าคนที่จิตใจอ่อนแอท้อแท้ก็อย่างว่านั่นแหละมันก็หวั่นไหวไปตามอำนาจของกิเลสนั้น ส่วนหนึ่งจากพระธรรมเทศนาหัวข้อ “ขันติธรรม” http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=7&t=55310